หน้าเว็บ

รายการล่าสุด

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเล่าจากคนต่างจังหวัด

เรื่องเล่าจากคนต่างจังหวัด




ดอกหญ้า ณ นครพนม
กรุงเทพมหานคร
จุดเริ่มต้นและความหวังของคนต่างจังหวัด
ที่คิดจะฝากชีวิตไว้ที่นี่ ยอมจากบ้าน จากครอบครัว จากท้องนาอันเป็นที่รัก เพราะความยากจน ความอยากได้อยากมี ความสำเร็จในการงาน ทุกคนจึงมุ่งหน้ามาที่นี่ บางคนก็ได้ดี มีเงินกลับไป บางคนก็แพ้พ่าย และมาพบจุดจบที่นี่...
ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่ง ในคนจากบ้าน ที่เข้ามาหางานทำในกรุงเทพมหานคร มาด้วยกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ พร้อมใบวุฒิบัตร และเงินในกระเป๋าที่มีไม่กี่พัน หวังว่าจะเอาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเพื่อมาสร้างอนาคตที่สดใส อยู่ที่นี่ ไม่ได้รู้จักใคร ไม่มีเส้นสายใหญ่ในการเข้าทำงาน ที่ไหนมีประกาศรับสมัครงาน ก็ไปมันทุกที่แหละ ช่วยไม่ได้เนาะก็ไม่รู้จักใครจริงๆ บ้านหลังแรกของฉันคืออพา่ร์ทเม้นท์ 9 ชั้น อยู่รวมกับเพื่อนทั้งหมด 5 คน ที่มาหางานพร้อมกันเจ้าของอพาร์ทเม้นท์เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ค่ะ เพราะมาอยู่กันเยอะเกิน แต่ก็ขอต่อรองกับเขาว่าเมื่อไหร่ได้งานแล้วจะแยกย้ายกันไป ใช้ความพยายามหางานอยู่ หลายเดือนในที่สุดก็ได้งานค่ะ หายากจริงๆเลยค่ะ งานนี่เงินเก็บที่มีอยู่ก็เริ่มหร่อยหรอ จึงต้องโทรขอเงินเพิ่มจากทางบ้านที่จากมา "แม่จ๋าเดือนนี้ลูกเพิ่งได้งานลูกจำเแป็นต้องใช้เงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ" " ไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเราเถอะ" คำพูดจากปากของแม่ที่ฟังแล้วน้ำตาไหล ไม่กลับหรอกแม่ ยังไงก็ได้มาแล้วต้องเดินหน้าต่อไปแม้จะลำบากแค่ไหนก็ต้องทำงานให้ได้ กลับไปเดียวเขาดูถูกเอา จากวันนั้น จนถึงวันนี้มันยังก้องในหัวใจเสมอมา เงินเดือนทุกเดือนจะได้มากน้อย ก็ต้องทยอยส่งกลับไปอย่างสม่ำเสมอ ครอบครัวของฉันมีอาชีพเป็นชาวนา ไม่รวย และไม่จนมาก ฐานะพอปานกลาง และไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินใคร อยู่กันด้วยความพอเพียงเลี้ยงชีพกันไป เพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านบ้างหลังจากหมดฤดูทำนาแล้ว ก็จะพากันมาหางานทำกันต่อไป ทุกวันนี้ถือว่าดีขี้นไหม ฐานะทางบ้านก็เริ่มดีขึ้นบ้าง บ้านหลังเก่าก็สร้างเป็นหลังใหม่ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของ ผู้เขียน และน้องชายอีกคน ที่ส่งเงินไปให้เสมอมา สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อสอนเสมอมาคือ ไม่ว่าจะไปอยู่ถิ่นฐานใด ให้เป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ และรู้จักให้ทาน สม่ำเสมอ ทำให้ครอบครัวของเรา ไม่เคยมีเรื่องเดือดร้อน หรือเรื่องผิดศัลธรรมเลย ค่ะ  ใช้ศีล5 และสตินำทางเสมอมา 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น